จากแรงบันดาลใจในการชอบกินปูนาตั้งแต่เด็กจนโต สู่แรงจุดประกายให้ลงมือทำ ไม่น่าเชื่อว่าสัตว์ที่สร้างความลำบากให้ชาวนาจนต้องกำจัดทิ้ง จะกลายมาเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวถึงหลักแสนต่อเดือน แม้ไม่มีทักษะในการเลี้ยง ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จ พร้อมย้ำไม่ขายฝัน ขายได้จริง ส่งออกทั่วประเทศ
สร้างรายได้หลักแสน เลี้ยงครอบครัว
“เลี้ยงมาประมาณ 3 ปีกว่า มีรายได้ตั้งแต่เริ่มทำเลย รายได้ต่อเดือนเฉลี่ยแล้วมันก็แสนเศษๆ หักค่าใช้จ่ายก็จะเหลือประมาณ 60,000-80,000 บาท มันก็ไม่คงที่ มีขึ้นมีลง แต่ละเดือนก็จะไม่เหมือนกัน แต่ก็เฉลี่ยอยู่ประมาณเท่านี้
ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นอาชีพหลักเลยครับ เพราะว่ารายได้หลักที่เรานำมาใช้จ่ายในครัวเรือนตอนนี้ ก็คือ เอามาจากในส่วนนี้ ถือว่าอยู่ได้ไม่ลำบาก”
ประพจน์ เพชรประไพ เจ้าของ ป.ปูนาฟาร์ม วัย 58 ปี เปิดใจถึงเรื่องราวที่นำเอาความชอบกินปูนาตั้งแต่เด็กจนโต มาสร้างเป็นธุรกิจเลี้ยงครอบครัว สร้างรายได้มากถึงหลักแสนต่อเดือน
ไม่น่าเชื่อว่า ปูนาที่มักจะถูกกำจัดจากชาวนา ถูกสารเคมีในไร่นา ทำให้เกือบสูญพันธุ์ เนื่องจากเป็นศัตรูในการกัดเซาะต้นข้าว จะกลายมาเป็นเม็ดเงินให้กับเกษตรกรผู้นี้ได้เป็นอย่างดี
หากย้อนกลับไปในอดีต เจ้าของฟาร์มแห่งนี้ เล่าว่า แต่ก่อนมีอาชีพรับทำกรอบรูปขาย แต่เนื่องจากคนเริ่มไม่นิยม ทำให้ลูกค้าลดน้อยลงเรื่อยๆ จึงหาช่องทางอาชีพใหม่ให้กับชีวิต เพื่อจะมีรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไป
และด้วยความที่ชอบกินเมนูปูนามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็น แกงอ่อมปูนา น้ำพริกปูนา ที่พ่อเคยทำให้กินตอนเด็กๆ จึงนึกหาความชอบ ความถนัดในตัวเองถึงจะทำได้อย่างยั่งยืน จึงมองว่าที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปูในทุกวันนี้ เกิดจากแรงบันดาลใจในการชอบกินปู ทำให้เกิดเป็นแรงจุดประกายให้ลงมือทำ
“ตอนแรกเลยที่นึกขึ้นได้ก็ตรงที่ว่าความชอบของตัวเองเนี่ยแหละ พอนึกว่าไม่รู้จะทำอะไรดี ก็มานึกๆ ดูว่าเราชอบอะไร เพราะว่าการทำงาน เราจะต้องทำจากความชอบ เราถึงทำได้ยั่งยืน ถึงจะทำได้นาน ถึงจะประสบผลสำเร็จได้เร็ว ก็มานึกไปนึกมาสิ่งที่ตัวเองชอบที่สุดถ้าเป็นเกี่ยวกับอาหาร ก็เป็นเกี่ยวกับปู
เพราะเมื่อก่อนตอนเด็กๆ พ่อแม่เคยทำให้กิน เมื่อก่อนตอนสมัยอยู่บ้านนอก อยู่ต่างจังหวัด เขาก็ไปจับมาให้กิน ตอนนั้นมันมีเยอะ พอหลังๆ ปูนาที่เราเลี้ยงอยู่ตอนนี้ มันไม่มี
ด้วยความที่เราเล็งเห็นว่าของมันหายาก ในท้องตลาดมันก็ไม่มี เวลานึกอยากจะกินจะไปหาตามท้องตลาด ตามห้างมันก็ไม่มีทั้งนั้น เราก็เลยคิดว่า ถ้าของที่มันหายาก ตามท้องตลาดไม่มีขาย แล้วคนเลี้ยงก็ไม่ค่อยมี ก็น่าจะเลี้ยงลองดู ถ้าเลี้ยงได้มันก็น่าจะดี เราก็เลยเริ่มเลี้ยง ด้วยความชอบของเรา พอเราเลี้ยงมันก็ทำให้เราไม่เหนื่อย”
ใช้พื้นที่บริเวณรอบบ้านเพียง 2 งานเท่านั้น ในการเลี้ยงปูนา ซึ่งฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ต.บึงคอไห อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
“ที่ขายได้ทั้งปี เพราะว่าผมมีทำที่ต่างจังหวัดด้วย จ.พะเยา พอที่นี่หมดก็ส่งมา ปูสดคู่ละ 80 บาท จะมีพันธุ์กำแพง กับพันธุ์พระเทพ พันธุ์พระเทพ จะออกสีม่วงสวย พันธุ์กำแพงก็ออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ำๆ หน่อย การเลี้ยงดูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ พ่อค้าแม่ค้าที่เขาต้องการ หรือคนที่เขาจะซื้อไปเพาะพันธุ์ เขาไม่เกี่ยงว่าเป็นพันธุ์อะไร ขอให้เป็นปูนา
พ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุตั้งแต่ 5 เดือน ถึง 1 ปี จะเก็บแยกไว้ เพื่อที่จะส่งให้ลูกค้าที่เขาต้องการนำไปขยายพันธุ์ ในส่วนพ่อค้าแม่ค้าที่เขาจะนำไปแปรรูป ก็จะเป็นปูทุกไซส์ ทุกขนาด แต่ส่วนมากจะเป็นปูร่างกายที่ไม่ค่อยสวย ปูที่ไม่มีลูก ปูที่สวยเราก็จะคัดเป็นพ่อแม่พันธุ์ แต่ถ้าปูร่างกายไม่ดี ขาหลุดบ้าง ขาไม่ครบบ้าง ก้ามหลุด เราก็จะเก็บไว้เพื่อแปรรูปเอง หรือว่าเอาไว้ให้พ่อค้าแม่ค้าเขามารับซื้อเราเป็นกิโลไปแปรรูป
ตอนนี้ผมทั้งขายและรับซื้อด้วย บางทีมีทางลูกค้าที่เขาเลี้ยงได้แล้วเขากลับมาขายให้ ราคาจะขึ้นลงแต่ละช่วงเวลาจะต่างกัน ในช่วงเวลานี้ผมรับซื้อกิโลละ 80 บาท แต่ขายออก 120 บาทต่อกิโล สูงสุดก็ไม่เกิน 150 บาท แต่ตอนนี้ยังไม่ถึง มันก็จะอยู่ประมาณ 120 บาท”
ไม่เพียงจำหน่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ อีกหนึ่งช่องทางที่สร้างรายได้ให้ค่อนข้างดี คือ การแปรรูปปูนาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายออกสู่ตลาด สามารถทำเป็นทั้งข้าวเกรียบปูนา น้ำพริกเผาปูนา น้ำปู เรียกได้ว่า ทุกส่วนของปูนาสามารถสร้างเป็นเงินได้มากเลยทีเดียว
“ในส่วนของการแปรรูป ก็จะแกะแยกในส่วนของมันปูแยกขายต่างหาก มันปูขายกิโลละ 1,500 บาท ในส่วนก้ามก็ 700 บาทต่อกิโล กระดองกิโลละ 400 บาท ชิ้นส่วนอื่นๆ ของปูที่นำไปบดจนเป็นผงละเอียดที่ไปใส่ในน้ำพริกขายกิโลละ 3,000 บาท ขายได้ทั้งหมด
พอเราแยกออกมาแปรรูป ในส่วนเนื้อ หน้าอก เราเอาไปแปรรูปทำน้ำพริก ข้าวเกรียบ กระดองก็ขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่เขาเอาไปล้างทำความสะอาด ล้างเป็นภาชนะใส่เมนูอ่องปูไปแทนเหมือนถ้วย ในส่วนกระดอง ที่มันเล็กเกินไป หรือมันแตกหัก เราก็จะนำไปบดเอามาเป็นอาหารปูอีกที”
กลายเป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสุขสบาย ทั้งสร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัวที่ได้ทำงานร่วมกันอีกด้วย
“เลี้ยงแบบไม่สนใจเรื่องขายได้ไม่ได้ ไม่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ตอนแรกจะเอาความชอบของตัวเองเป็นตัวตั้งก่อน พอเราเลี้ยงไปก็คิดอยู่ในใจอยู่แล้วว่า พอเลี้ยงไปมันก็จะมีช่องทางการจำหน่าย หรือช่องทางการทำมาหากิน ในการต่อยอดตรงนี้เพิ่มเติมเอง เราก็เลยตัดสินใจเลี้ยงตั้งแต่ตอนนั้นมา
พอเลี้ยงมา มันก็ประสบผลสำเร็จจริงๆ ทางผมก็ไม่ได้ชอบเพียงคนเดียว ภรรยา ลูก เขาก็ชอบด้วย เห็นด้วยว่ามันน่าจะไปได้ดี สิ่งที่เราทำคือ คนทำมันน้อย มันก็ไม่ได้ไปแก่งแย่ง หรือไปแย่งตลาดกับใคร ไม่ต้องไปสู้รบกับใครในด้านที่ว่าไปสร้างแบรนด์ สร้างอะไร ทุกๆ อย่าง
มันมีช่องว่างให้เราทั้งหมด เพราะว่าคนทำมันน้อย มันก็เลยทำให้เราได้มีโอกาสในการขยับขยายตัวได้ง่าย ไม่ต้องไปอึดอัดให้มาก เพราะว่าไม่มีคู่แข่ง แรงบันดาลใจหลักๆ ก็คือ ชอบมาตั้งแต่เด็ก พอนำสิ่งที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่เล็กๆ มาลองทำดู ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ
ผมคิดว่าการประสบผลสำเร็จไม่ได้คิดว่ารวยแล้วประสบผลสำเร็จ มีพอกินพอใช้ ทำแล้วมีความสุขด้วย ก็ถือว่าเป็นการประสบผลสำเร็จสำหรับตัวผม”
ขายได้จริง ส่งออกทั่วประเทศ
สุดท้ายแล้วหากหลายคนคงสงสัยมีตลาดรองรับ หรือสามารถขายได้จริงหรือไม่ หากจะยึดอาชีพการเลี้ยงปูเป็นอาชีพในการหารายได้
เจ้าของฟาร์มแห่งนี้ก็ให้คำตอบว่า มีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งเข้ามาซื้อที่ฟาร์มด้วยตนเอง และสั่งซื้อทางออนไลน์ เรียกได้ว่าทั้งปูสด และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูป มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วประเท อนาคตก็หวังอยากขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศอีกด้วย
“มีลูกค้าเขามาหาผม แต่ละวันเยอะมาก บางวันก็มีหลายสิบคน บางวัน 40-50 คน บางคนเข้ามาเพื่อที่จะรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปจำหน่าย แต่บางคนเขาก็ยังไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่เข้ามาบอกว่า ตอนนี้เขาลำบาก เขาอยากจะมีรายได้เสริม อยากจะมีงานทำ ตอนนี้ตกงาน อยากจะมาเอาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปเลี้ยง และขอความรู้ ก็มีข้อสงสัยเยอะ ว่า เอาไปแล้วจะไปเลี้ยงยังไง ถ้าเลี้ยงได้แล้วจะไปขายยังไง แล้วใครจะมาซื้อบ้าง
ในส่วนนี้มีคำถามเยอะ แต่จริงๆ แล้วคำตอบมันมีอยู่แล้ว ด้วยการที่ว่าเราก็อธิบายในส่วนลูกค้าของเราให้เขาเข้าใจ ให้เขารับรู้ว่า ในส่วนที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ส่วนมากหลักๆ ที่ขาย ก็คือ ลูกค้าจากทางออนไลน์
ส่วนอื่นก็จะเป็นที่ลูกค้าเข้ามาศึกษาดูงาน ซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เพื่อเป็นการทดลองเลี้ยง เลี้ยงเพื่อการศึกษาเรียนรู้ ทั้งหมดทั้งมวล มันก็เป็นลูกค้าทั้งหมด เพราะมันจะเป็นรายได้ทั้งหมดที่เข้ามาเกี่ยวโยงกัน
ไม่ว่าจะเข้ามาศึกษาดูงาน เข้ามาซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา บางทีไม่ได้เข้ามาซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปขยายพันธุ์ แต่เข้ามาศึกษาดูงานเฉยๆ แต่ซื้อผลิตภัณฑ์ขอเราติดไม้ติดมือกลับไป นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ว่าเป็นรายได้
แต่รายได้หลักๆ ก็คือ เข้ามารับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไปจำหน่าย วันๆ จะเยอะ จะหลายเจ้ามาก ขายทุกวัน แล้วรายได้หลักส่วนที่ใหญ่พอสมควรก็จะเป็นในส่วนที่เขาเห็นในเพจเฟซบุ๊กบ้าง เขาก็โทร.เข้ามาเพื่อที่จะสั่งซื้อ และส่งให้ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ถ้าสั่งวันนี้ พรุ่งนี้เราจัดส่งให้ วันถัดไปช่วงบ่ายๆ ก็ถึงทุกจังหวัด ถ้าตายเรามีการส่งเคลมให้ทั้งหมด”
อาชีพเลี้ยงปูนา ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกคน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ที่การบริหารจัดการ รวมไปถึงทำเล องค์ประกอบอีกหลายส่วนสำคัญ แต่หากตั้งใจและมีความชอบก็สามารถทำได้แน่นอน
“ก็อยากจะอธิบาย อยากจะย้ำให้ทุกคนได้เข้าใจ ถ้าใครก็ตามที่กำลังอยากจะเลี้ยง อยากจะศึกษา ก็ต้องเข้าใจว่า การเลี้ยงของทุกคนไม่ใช่ว่าจะประสบผลสำเร็จทุกคน มันก็เหมือนกับเราทำการค้าอื่นๆ อย่างขายก๋วยเตี๋ยว ต่างคนก็ขาย ขายเหมือนกัน แต่ทำไมบางคนขายได้ บางคนขายไมได้ มันก็จะต่างกันอยู่ที่วิธีการขาย ต่างกันอยู่ที่ทำเล หลายๆ อย่างเป็นองค์ประกอบ
ในส่วนรายได้หลักของเราที่ตั้งใจจะทำทีแรก ก็คือ จะเลี้ยงเพื่อที่จะแปรรูปขาย ไมได้ตั้งใจเพื่อที่จะขยายพันธุ์ เพื่อให้คนเข้ามาซื้อพ่อแม่พันธุ์ หรือคนเข้ามาขอปรึกษาแล้วเราจะเก็บค่าศึกษาเรียนรู้อะไรตรงนั้น ไม่ได้ต้องการรายได้จากตรงนั้น
พอไปเลี้ยงแล้วบางคนเอาไปเลี้ยง 5-10 คู่ เอาไปเลี้ยงแล้วมันจะรวย มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยาก องค์ประกอบมันมีหลายได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของเราหรือเปล่า เราชอบไหม ถ้าเรามีความตั้งใจจริง จะเลี้ยงมากน้อยแค่ไหน เรามีพื้นที่มากไหม
ปัจจัยหลักสำคัญของเรา แรกๆ คือ การลงทุน การทำบ่อ เรามีพื้นที่ทำบ่อมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าทำบ่อ 5-10 ตารางเมตรแล้วจะขายได้เป็นแสน มันก็เป็นไปไม่ได้ มันก็เลยต้องอธิบายให้เขาเข้าใจที่เขาเข้ามาทุกๆ คน มันก็ต้องมีปริมาณเยอะพอสมควรมันถึงจะสร้างรายได้ให้เยอะได้ ไม่ใช่ว่าเลี้ยงนิดเดียวแล้วจะได้ผลตอบแทบเยอะแยะมากมาย มันก็เป็นไปไม่ได้
ต้องดูว่าเราอยากขยาย อยากทำกิจการของเรา หรืออยากจะตั้งเป้าอะไร สมมติว่า อยากได้เงินหนึ่งแสนต่อเดือน แต่เราทำบ่อแค่ไม่กี่ 10 ตาราเมตร แล้วเราจะไปเอาเงินแสนต่อเดือน มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่า ปู เวลาเราเลี้ยง ขยายพันธุ์มันก็จะใช้พื้นที่ ก็คือ 10 คู่ ก็คือ 20 ตัว ต่อ 1 ตารางเมตร แล้วเขาก็จะได้ไปคูณพื้นที่เอาว่าจะต้องบริหารจัดการยังไง แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมจะแนะนำลูกค้าว่า เลี้ยงไม่ใช่ว่ามันจะประสบผลสำเร็จทุกคน”
ลองผิดลองถูกขยายพันธุ์เอง
แม้ไม่มีประสบการณ์หรือทักษะในการเลี้ยงปูนา แต่ก็ลองผิดลองถูก ขยายพันธุ์ดัวยตัวเอง จากความชอบกินจนในที่สุดตัดสินใจขยายสู่การเลี้ยงเพื่อจำหน่าย และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปูนา
“ทำเองตั้งแต่เริ่มเลย ตอนแรกก็เอามาจากท้องนา แรกๆ มันก็ไม่ได้ผลหรอก เพราะว่าเรายังไม่มีความรู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ พอเราทำมาเรื่อยๆ เราก็ได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ดูพฤติกรรมมาเรื่อยๆ มันก็เลยทำให้เรารู้ว่ามันมีความต้องการแบบไหนได้บ้าง มันก็เลยได้ผล
ส่วนตัวผม เดิมทีก็ทำการค้าเกี่ยวกับไม้เก่าอยู่แล้ว ก็เลยนำไม้เก่าส่วนที่มันใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้ เป็นไซส์ที่ตลาดเขาไม่ต้องการ ก็นำมาดัดแปลงเป็นกรอบรูป แล้วก็ก็นำมาให้กลุ่มแม่บ้านเขาทำรูปใส่ แล้วก็ใส่กระจกแล้วก็ขาย
ตอนแรกๆ มันก็ขายดี ทางกลุ่มแม่บ้านเขาก็ได้มีงานทำไปด้วย ในส่วนของเราก็ได้ระบายในส่วนไม้เก่าออกไป โดยเป็นเศษวัสดุที่เหลือใช้ ที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็นำมาทำเป็นกรอบรูป ช่วงแรกๆ ก็ขายดี พอหลังๆ ยอดขายมันลดลง หลังๆ มา ผมไม่รู้ว่าจะนึกทำอะไรดี ก็เลยมานึกออกว่า เราเป็นคนชอบกินปู ก็น่าจะเลี้ยงปูลองดู เผื่อจะมีคนที่เขาชอบเหมือนกับเราบ้าง ก็เลยลองเลี้ยงปูลองดู
แต่ก่อนจะเลี้ยง แรกๆ ก็ได้ไปดูงานตามหน่วยงาน อบต.เขาก็ได้มีการจัดให้มีการศึกษาดูงาน ก็ได้ไปดูงานกับเขา ในส่วนนั้นก็ได้มาเป็นส่วนเพิ่มเติมที่เราจะได้นำเอาความรู้ที่เราได้ไปศึกษาดูงานกับทางจังหวัด กับทางอบต. แล้วในอีกส่วนหนึ่งที่เราก็มีความชอบของเราอยู่แล้ว เราก็เลยเริ่มเลี้ยงลองดู
เลี้ยงแรกๆ มันก็ถือว่าประสบผลสำเร็จเลย เพราะว่าเลี้ยงแรกๆ ก็มีการตอบรับจากลูกค้าดี ทางลูกค้าเขาก็ได้มาขอศึกษาดูงาน ขอเข้ามาเยี่ยมชม ขอรายละเอียดในการเลี้ยง เขาอยากจะลองทำเหมือนของเราบ้าง พอมีคนเข้ามาดูเยอะๆ ผมก็ขยายเลี้ยงตามต่างจังหวัดด้วย แล้วก็เลี้ยงที่นี่ด้วย
ก็คิดว่าถ้าเราเลี้ยงอย่างเดียว แล้วก็ขายพ่อแม่พันธุ์ หรือว่าขายเป็นปูสดอย่างเดียว ถ้าเผื่อวันข้างหน้ามันมีคนทำกันเยอะ บางทีตลาดรองรับมันอาจจะน้อยในส่วนนี้ ก็เลยลองหาทางคิดว่าเราจะไปทำในส่วนอื่นได้ไหม พอนึกได้ก็ลองแปรรูป พอพักหลังเราก็แปรรูปเป็น ข้าวเกรียบ น้ำพริก พอทำออกมาก็ขายดีอีก ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดี ก็เลยทำควบคู่กันไป”
เจ้าของฟาร์มปูนา เล่าอีกว่า หากใครสนใจอยากสร้างรายได้ หรือธุรกิจเป็นของตัวเอง การเลี้ยงปูถือว่าเลี้ยงไม่ยาก ต้นทุนต่ำ รายได้ดี และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างง่าย
“เลี้ยงปูผมถือว่าเป็นอะไรที่มันง่ายมาก คิดดูสมัยเมื่อก่อนไม่ต้องมีใครเลี้ยง มันก็อยู่โดยธรรมชาติของมันเอง ขยายจนออกลูกออกหลานมา จนไปสร้างความลำบากให้ชาวนาจนต้องมากำจัดทิ้ง ด้วยที่ว่ามันขยายพันธุ์เองได้เร็ว เติบโตได้เร็ว ถ้าเราเอามาเลี้ยงมันก็น่าจะไม่ได้เป็นเรื่องยากถ้าเราจะขยายพันธุ์
ขนาดเขาขยายพันธุ์เองเขายังขยายได้เลย ถ้าเราเป็นส่วนหนึ่งไปเกื้อไปหนุนให้มันเติบโตให้ได้มากกว่าปกติ มันก็น่าจะไมได้เป็นเรื่องยาก ผมมีความคิดแบบนี้ที่ผมได้เริ่มเลี้ยงมา
ส่วนเรื่องต้นทุนจริงๆ แล้วผมก็อยากอธิบายให้ฟังว่า อยากจะให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือว่าคนที่อยากจะเลี้ยงในโอกาสต่อไป ถ้าเลี้ยงเป็นบ่อกระชัง หรือบ่อปูน มันจะมีความลำบากมากกว่าเลี้ยงบ่อดิน ถ้าเลี้ยงบ่อดินมันจะผลสำเร็จมากกว่า แล้วจะได้ผลดีตรงที่ว่ามันต้นทุนต่ำกว่าด้วย การขยายพันธุ์ขยายได้รวดเร็วกว่า ปริมาณผลผลิตที่จะได้ปู หรือการเจริญเติบโตได้เร็วจะดีกว่าเลี้ยงบ่อที่มันฝืนธรรมชาติ
ถ้าเลี้ยงบ่อดินได้ ผมก็อยากจะแนะนำว่า ทุกท่านที่อยากขยายพันธุ์ อยากทำเป็นธุรกิจ มีรายได้เยอะๆ อยากมีปูออกสู่ตลาดเยอะๆ บ่อดินก็จะได้ดี ได้ผลกว่า”
นอกจากนี้ ยังเล่าเจาะลึกเทคนิคการเลี้ยงปูนาอีกว่า เป็นฟาร์มที่ไร้สารเคมี และเลี้ยงดูโดยการให้อาหารเพียงวันละหนึ่งมื้อเท่านั้น
“อาหารหลักที่เราให้ก็จะเป็นอาหารเม็ดเล็กของอาหารปลาดุก ในส่วนอื่นก็จะเป็นพวกพืช น้ำ ผักตบชวา จอกแหน สาหร่าย พวกพืชน้ำ มันจะเป็นอาหารที่เขาชอบกัดกินลาก และใช้เป็นที่หลบอาศัยด้วย และอีกอย่างหนึ่งเขาจะเอาไว้ใช้เป็นตัวหนีบเล่น บางทีถ้าเราไม่มีพวกพืชหรืออะไรไปกีดขวางไว้เยอะๆ เขาจะเดินหนีบกัน ขา ก้าม ก็จะหลุด ก็จะพิการ ปูก็จะไม่แข็งแรง
จริงๆ มันหลุดไปมันก็งอกได้ แต่บางตัวถ้ามันงอกไม่ทัน มันก็แข็งแรงสู้ตัวอื่นไม่ได้ จะโดนตัวอื่นแกล้งแล้วโดนหนีบตายก็มี เราก็เลยต้องมีพืชผักเป็นที่กีดกั้น เป็นอาหาร เป็นที่หลบด้วย เพื่อเป็นเกาะป้องกันไม่ให้เขาหนีบกัน และช่วยให้บริหารก้ามด้วยการหนีบเล่น ไม่ให้เขาไปหนับกันตาย
ส่วนเรื่องอาหารจะให้วันละมื้อ เป็นมื้อเย็น ปูมันคือสัตว์หากินกลางคืน ถ้าเราให้ตอนกลางวันมันจะไม่ค่อยออกมาหากิน มันจะทำให้น้ำเน่าเสีย อาหารก็เน่าเสีย พอน้ำเน่าเสียเราก็ได้เปลี่ยนน้ำปล่อย เปลืองน้ำ เปลืองแรงงาน ให้ช่วงเย็นก่อนจะมืด พอมืดๆ เขาก็จะออกมาหากิน น้ำก็ไม่เน่าเสีย
การเลี้ยงปูคู่หนึ่งผสมพันธุ์กัน ถ้าปูสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง จะสามารถท้องได้ถึงสามครั้งต่อปี แต่ละรอบก็ใช้เวลา 4 เดือน เวลาคลอดออกมาก็จะดูว่าตัวเต็มวัยไหม ให้ลูกเยอะที่สุดก็จะประมาณ 500-700 ตัว
คลอดออกมาแล้ว หลังจากที่ออกจากท้องแม่ ปูที่เริ่มจำหน่ายได้ก็ตั้งแต่วัย 3 เดือนขึ้นไป ก็จะเป็นปูเล็กๆ ปูที่เอาไว้ทำส้มตำ”
ขณะที่มีการเล่าถึงเทคนิคการเลี้ยงปูจนประสบความสำเร็จ ก็สังเกตเห็นว่าผู้คนเข้ามาเยี่ยมชม พร้อมทั้งซื้อพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ตลาดออนไลน์สำคัญ ถ่ายทอดจากคนรุ่นใหม่
มองการตลาดออนไลน์สำคัญ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะธุรกิจอะไร หรือค้าขายสินค้าอะไร คนต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์
เจ้าของฟาร์มปูนาแห่งนี้จึงมองว่าการขายของออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะรายได้หลักๆ ก็มาจากการที่ลูกค้าสั่งซื้อมาทางออนไลน์ซะส่วนใหญ่
ด้วยความไม่เชี่ยวชาญ จึงดึงมือลูกชายให้เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ จนธุรกิจการเลี้ยงปูนาไปได้ดี ประสบความสำเร็จ ตัดสินใจให้ลูกชายลาออกจากงานประจำ เพื่อลุยงานตรงนี้เต็มที่
“มันสำคัญมากเลย ผมก็วัยนี้แล้ว ผมอายุ 58 แล้ว อีก 2 ปี ก็จะเข้า 60 ปี แล้ว ความรู้ในส่วนนี้ของผมก็คือน้อย ประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้ก็น้อย เรื่องเทคโนโลยียังไงก็สู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่แล้ว ก็เป็นการที่ดี ถือว่าลงตัว ความเชี่ยวชาญในด้านนี้ผมก็ไม่ได้สักเท่าไหร่ ทางลูกเขาก็มีความสันทัก มีความถนัดในด้านนี้ก็ออกมาช่วยในส่วนนี้ก็ถือว่าไปได้ดี และอีกอย่างทางลูกเขาก็ชอบด้วย
ลูกชายแรกๆ เลยเขาก็ทำงานบริษัท แต่พอผมมีออเดอร์เข้ามาเยอะ ทุกวันนี้มันต้องขายออนไลน์ส่วนใหญ่ ถ้าเรามัวจะมาขายเดิมๆ แบบก่อนมันก็คงไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้ขายออนไลน์มันก็เป็นการขายหลักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขายอะไรตอนนี้
ในเรื่องการขายออนไลน์ ทางลูกๆ เขาก็มีความชำนาญมากกว่าผมอยู่แล้ว ผมก็เลยลองชักชวนเขาดูว่างานบริษัทที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันลำบากมากน้อยแค่ไหน เขาก็ตอบรับกลับผมว่า มันก็ลำบากอยู่ ถ้าผมจะให้เขาออกมาช่วยทำงานในส่วนนี้ เขาพร้อมไหม มันน่าจะดีไหม เขาก็เห็นดีด้วย เขาบอกว่ามาทำในส่วนนี้ก็น่าจะไปได้ดี
เพราะในส่วนตัวของผมเองวันๆ หนึ่งจะตอบลูกค้า คือ มันตอบไม่ทัน เพราะลูกค้าเขาติดต่อเข้ามาเยอะ มีการสั่งซื้อเยอะ แล้วก็เข้ามาศึกษาดูงานก็เยอะ พอดีทางลูกเขาก็พร้อมที่จะเข้ามาร่วมดูแลด้วย ก็เข้ามาช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นลูก เป็นภรรยา ก็ช่วยกัน
หลังจากที่เขาลาออกจากงานบริษัท ก็มาช่วยกันเต็มตัว แต่จริงๆ แล้วตอนที่เขาทำงานบริษัทเขาก็ได้ช่วยผมอยู่ แต่ทีนี้เขาทำงานให้บริษัทไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะกลัวจะเป็นการเป็นผลกระทบกับบริษัท ก็เลยตัดสินใจลาออกเลยดีกว่า เผื่อจะได้มาทำงานตรงนี้เต็มที่ ก็ช่วยกันทำ
ออกมาก็ดีกว่าครับ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ ความสะดวกสบายมันก็ดีกว่า อย่างน้อยๆ เราก็อิสระ เราทำงานของเราเป็นเวลา อีกอย่างหนึ่งรายได้ผลตอบแทนมันก็ได้มากกว่า แล้วอีกส่วนหนึ่งก็คือเราได้ทำงานร่วมกันในครอบครัว มันก็ทำให้เราเกิดความสุขมากกว่าที่เราแยกกันทำงาน ร่วมกันทำงาน เห็นหน้ากันทุกวัน อยู่ด้วยกันทุกวัน รายได้มันก็เป็นผลตอบรับให้เรามากกว่าปกติที่เราทำงานที่ว่าเราไม่ได้ชอบเท่านี้ เป็นผลทำให้ต่างคนต่างพอใจ และก็มีความสุขตรงนี้”
ถ่ายทอดจากคนรุ่นใหม่สู่คนรุ่นเก่า แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างเป็นทุกอย่างพร้อมๆ กัน ทำให้ผลออกมาดีในที่สุด
“ก็ได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน ทั้งในส่วนของเขาก็ไปศึกษาเรียนรู้ในส่วนที่ว่าผมได้ต้อนรับแขกที่เข้ามาชม มาศึกษาดูงาน ผมก็ได้ให้ความรู้ ให้แนวทางในการนำไปประกอบเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริมก็ตาม ในส่วนนี้เขาก็ได้มีประสบการณ์ด้วย
เพราะผมก็เล็งเห็นตรงนี้ อยากให้เขามีประสบการณ์ในส่วนนี้ สมมติว่า มีคน ทางหน่วยงาน อบต. พาหน่วยงานราชการ หลายภาคส่วนเข้ามาดูงาน ผมก็ได้อธิบาย ได้ให้ความรู้ ได้เป็นวิทยากรให้เขาเห็น เขาก็จะได้รู้ว่ามีวิธีการทำอะไรยังไงแบบไหน เขาก็จะได้มีประสบการณ์ เพราะโอกาสต่อไป เขาก็จะได้สืบทอดในส่วนนี้อีกต่อไป
หลังจากที่ผมอายุเยอะแล้ว ผมก็อาจจะให้เขาเป็นคนทำงานในส่วนนี้อีกต่อไป เขาก็จะได้รับรู้ ทำเป็นได้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าจะทำเป็นแค่ขายออนไลน์อย่างเดียว ในการดูแล บริหารจัดการเขาก็จะได้เป็นด้วย ต่างคนต่างเป็นคนละอย่าง แต่เราก็มาแลกเปลี่ยนกัน พอผลที่สุดแล้ว ต่างคนต่างก็จะเป็นทุกอย่างพร้อมๆ กัน”
ล้มก็ลุกใหม่ได้เสมอ
อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น อาชีพดั้งเดิมของชายผู้นี้คือ ช่างไม้ แต่เนื่องจากรายได้ไม่พอจุนเจือครอบครัว จึงหาช่องทางการสร้างอาชีพใหม่ๆ
แม้จะเปลี่ยนมาหลายอาชีพ ก็ไม่เคยกลัวการล้มเหลว เพราะเชื่อว่าแรงผลักดันเหล่านั้นจะทำให้ลุกขึ้นสู้ใหม่ได้เสมอ
“ก่อนหน้านี้ ที่ผมจะมาทำเรื่องไม้เก่า ทำวิสาหกิจชุมชน เลี้ยงปู ผมทำงานบริษัทมาก่อน แต่ด้วยความที่ว่าทำงานคนเดียว ลูกก็หลายคน มีลูก 4 คนก็เรียนพร้อมๆ กัน ทำงานบริษัททำงานคนเดียว พอมองดูแล้วมันก็รู้สึกว่ามันจะรอดยาก เพราะว่าทำงานคนเดียว ลูกก็โตพร้อมกัน เรียนพร้อมกัน งานที่ทำเงินเดือนมันก็ไม่ได้มาก ไม่พอที่จะทำให้ลูกเรียนสบายได้
ทำงานหลายบริษัทมาก ทุกบริษัทรายได้ยังไงมันก็ไม่พอ เงินเดือนเมื่อก่อนประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วไม่ถึงหมื่น เดือนละ 7,000-8,000 บาท ยังไงก็อยู่ไมได้ เพราะว่าลูก 4 คน ภรรยาอีก 1 คน และลูกเรียนด้วย มันก็เลยต้องหันเห ยังไงก็ต้องเลิก ทำงานประจำไม่ได้ ถ้าทำงานประจำก็ไม่มีโอกาสจะเลี้ยงดูครอบครัวรอดแน่ ก็เลยต้องไข่วคว้าหาช่อทางทำมาหากินให้ได้
จะทำธุรกิจอะไรให้มันเลี้ยงตัวได้ เพราะทำงานบริษัทโอกาสโตมันยาก จะทำธุรกิจอะไร จะยังไง ทำแล้วเราถึงจะไปได้รอด ไปได้สบาย โดยที่ว่าเรามีความรู้ และต้องรู้จริงด้วย เราถึงจะไปกับมันได้
พอนึกไปนึกมาผมก็นึกได้ว่าตัวเองเป็นคนชอบงานไม้ เพราะว่าเมื่อก่อนอยู่บ้านต่างจังหวัด พ่อชอบพาทำงานเกี่ยวกับงานไม้ อยู่ชัยภูมิ ก็เลยหยิบเอางานที่ตัวเองเคยทำมาตั้งแต่เด็กมาเป็นพื้นฐานในการคิดก่อน ก็เลยลองทำงานไม้ลองดู
ด้วยการที่ว่าจะงานบริษัทมันไม่มีความเป็นอิสระ และอีกอย่างหนึ่งรายได้มันก็ไม่น่าจะพอนำพาครอบครัวไปรอด ก็เลยหาธุรกิจที่เป็นการทำด้วยตัวเองโดยที่ว่าเรามีความสันทัด มีความพร้อม มีความรู้ให้มีพอสมควรให้นำพาตัวเองไปได้รอด ผมก็เลยมาลองหาทำ รับซื้อพวกโครงสร้างไม้เก่า บ้านไม้เก่า แล้วก็มาขายตามร้านที่เขารับซื้อไม้เก่าอีกที
ช่วงแรกๆ รายได้ก็ถือว่าดี บางทีก็เข้าหลักแสนต่อเดือน บางเดือนเงินล้านหนึ่งหาแป๊บเดียวก็ได้ แต่พอช่วงหลังๆ งานไม้มันไม่ค่อยได้ รายได้ไม่ค่อยดี สาเหตุที่ไม่ดีเพราะเหล็กมันเริ่มถูก พอเหล็กเริ่มถูก ผลกระทบก็มีที่ว่าคนที่เขาจะรับไม้เก่าไปทำโครงสร้างเขาหันมาใช้เหล็ก รายได้ในส่วนนี้ก็เลยถดถอยลง ลดลงไปเยอะ หลังจากนั้น เริ่มนำไม้เก่ามาแปรรูปต่อยอดทำเป็นกรอบรูป พอหลังจากนั้นก็มาเลี้ยงปูก็ต่อเนื่องกันมาแบบนี้”
ไม่กลัวล้ม ถ้าล้มก็พร้อมหาสิ่งใหม่ๆ หรือช่องทางอื่นทำอยู่ตลอดเวลา ขอบใจในความล้มเหลวครั้งนั้นด้วยซ้ำ แต่สามารถทำให้แข็งแกร่งได้ในทุกวันนี้
“เราก็พร้อมอยู่ตลอดเวลา อะไรที่มันไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้เสมออยู่แล้ว ไม่ว่าแค่ผม ผมคิดว่าคนทุกคนก็น่าจะต้องคิดอย่างนี้ เพราะอนาคตข้างหน้ามันก็ไม่แน่ บางคนรวยอยู่ดีๆ จนไปพริบตาก็มี บางคนจนอยู่ดีๆ รวยพริบตาก็มี
แต่เราไม่ต้องไปซีเรียสกับมันตรงนั้น เราเตรียมการของเราถ้าโอกาสต่อไปมันเป็นอย่างนี้แล้วเราจะทำอย่างไร เราก็เตรียมคิดไว้เล่นๆ มันก็น่าจะดี
เมื่อก่อนก็ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่หรอก แต่ก็แค่ไม่มีความสมดุล รายได้กับรายจ่ายมันไม่มีความสมดุลกันตามควรที่จะเป็น มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ดราม่าลำบากยากเย็นอะไรมากมาย
แต่ความสมดุลในระหว่างการทำงาน ความเป็นอยู่ในเรื่องค่าครองชีพบ้าง หรือว่ารายได้ที่จะได้จากการทำงานคือมันหักลบกรบหนี้เดือนชนเดือนมันไม่พอดี มันทำให้เราขาดเขิน มันก็เลยทำให้เราต้องดิ้นรน พอเราดิ้นรนมันก็ทำให้เราก้าวเข้ามาหางานอีกหลายๆ งาน ทำอีกหลายๆ สิ่ง หลายอย่าง ก็ถือว่าเราก็ต้องขอบใจในสิ่งนั้นที่มันเกิดขึ้นกับเรา เพราะมันก็ทำให้เรานำพาชีวิตของเรา ได้ขยับขยาย ได้หันเหหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไปเรื่อยๆ”
ถือว่าผ่านหลายธุรกิจ หลายอาชีพมา ทำให้เรียนรู้ที่จะเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอเชื่อว่าหากมีความชอบ และค้นคว้าหาความรู้ให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็สามารถนำพาไปถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน
“มันทำให้เราเรียนรู้ ทำให้เราเข้าใจว่า ไม่ว่าตัวเรา หรือว่าใครก็แล้วแต่ที่ว่าอยากจะทำงาน หรือธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราคิดอยากจะทำ เราอย่าไปหวังว่าจะทำเพื่อที่จะสร้างรายได้ให้ตัวเองเพียงอย่างเดียว ไม่ได้
อย่าไปคิดว่าคนอื่นเขาทำ คนนี้ทำแบบนี้รวย แล้วเราก็ต้องทำบ้าง จะได้รวยเหมือนเขา มันเป็นไปได้ยาก เมื่อก่อนผมเคยมีความคิดแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วผมคิดว่าความคิดแบบนั้นผมคิดไม่ถูก ในส่วนที่ถูกเรามาคิดตรงที่ว่า เราทำแล้วมันจะหาความพอดีสำหรับความเป็นอยู่ของเราได้อย่างไร ไม่จำเป็นต้องรวย ขออย่างเดียว ทำแล้วมีความสุข และให้มันพอมีรายได้จุนเจือครอครัว พอที่จะทำพาครอบครัวไปรอด
สำคัญที่สุด ผมคิดว่า ทุกๆ คนก่อนจะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องนึกถึงหลักใหญ่ๆ ก็คือ ความถนัด ความชอบ ถ้าเราไม่มีความถนัด เรารู้ไม่จริง งานนั้นมันก็จะสำเร็จได้ยาก แล้วถ้าเราไม่มีความชอบ ถนัด หรือจะรู้ก็ช่าง ถ้าจิตใจเราไม่ชอบโดยลึกโดยรวมแล้ว มันก็จะทำให้เราเบื่อ ทำให้เราไม่ได้นาน
เพราะฉะนั้นสองสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญ ก็คือ เราต้องรู้จริง เราต้องมีความชอบ ในสองส่วนนี้จะนำพาให้เราประสบผลสำเร็จ ทำให้เราทำอะไรก็จะก้าวไปในจุดที่ว่าเราต้องการได้ง่าย โดยที่เราไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยอะไร เพราะเรามีความชอบอยู่แล้ว มันก็เลยไม่ทำให้เรากังวลเรื่องเกี่ยวกับเวลา เพราะเวลาเราทำอะไรก็ตาม ถ้าทำในสิ่งที่ชอบมันจะเหนื่อยแค่ไหน ใช้เวลานานแค่ไหน เราก็ไม่เคยเบื่อ ไม่เคยเหนื่อย เพราะมันเป็นสิ่งที่เราชอบ ส่วนนี้คือส่วนสำคัญที่สุด”
แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าจะเป็นอาชีพที่ยั่งยืน ณ ตอนนี้ก็สามารถเป็นอาชีพหลักในการเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งไม่ยอมหยุดนิ่ง ต่อยอด พัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบเกี่ยวกับปูออกมาเรื่อยๆ
“ความหวังลึกๆ เราก็มีความหวังว่าถ้าเผื่อประสบความสำเร็จ ร่ำรวยขึ้นมา มันก็น่าจะดี ก็เพียงหวังไว้แค่นั้นเฉยๆ แต่ถ้ามันไม่ดี เราก็ไม่ถือว่าเราผิดหวัง ถ้ามันไม่มีเราก็ถือว่าเป็นการศึกษาเรียนรู้ เป็นการหาประสบการณ์ ถ้ามันไม่ได้ไม่ดี เราก็ต้องเบี่ยงเบนหาช่องทางใหม่ ก็ทำใจไว้แล้ว แต่บังเอิญว่ามันดีเราก็ขอบใจเวลา ขอบใจความคิดตัวเองที่ได้คิดแบบนี้
อนาคตต่อไปผมก็ไม่รู้ ถ้าผมจะบอกว่ามันยั่งยืนผมก็ยังบอกไม่ได้เต็มปากว่ามันจะยั่งยืนมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าอนาคตข้างหน้ามันก็ไม่ได้แน่ ไม่รู้มันจะเป็นตามที่เราคาดไว้หรือเปล่า แต่ที่ผ่านมา ผมก็ถือว่ามันก็เป็นหลักครอบครัวได้พอสมควร เพราะว่ารายได้หลักส่วนใหญ่มันก็มาจากตรงนี้ทั้งหมด
ในส่วนอื่นเราก็ไม่เพียงแค่ว่าทำอย่างนี้อยู่อย่างเดียว เราพยายามจะแปรูปไปอีกหลายๆ อย่าง เพื่อที่จะขยายผล เพื่อที่จะต่อยอดจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง โดยที่ว่าเราจะไปยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพราะว่าโอกาสข้างหน้าเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การดูแลธุรกิจ มันจะมีผลพวงที่ว่าเป็นผลกระทบต่อกันมากน้อยแค่ไหน
เพราะว่าทุกวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว โดยที่เราไม่ได้คาดหวัง เราก็เตรียมใจไว้ ในเมื่อเราเตรียมใจไว้ เราก็พยายามหาช่องทางอื่นๆ อีก เพื่อที่จะสำรองในการที่ว่าเราจะได้พลิกผันถ้ามันเกิดเหตุการณ์อะไรที่มันหันกลับมาให้เราลำบากใหม่อีกทีหนึ่ง เราก็มีความพร้อมตรงนั้นอยู่”
สอนฟรีตั้งแต่ต้นจนจบ
“ก่อนหน้านั้น ก็เปิดเป็นวิสาหกิจชุมชน เป็นแหล่งเรียนรู้มาตั้งนานแล้ว เปิดกว้างให้หลายๆ คนเข้ามาศึกษาเรียนรู้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้ทำเกี่ยวกับปู พอตอนหลังมาทำปูก็เลยพ่วงกันไปเลย ท่านใดที่ต้องการเข้ามาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเป็นงานกรอบรูป หรือจะเป็นเรื่องปูนา เราก็เปิดให้เข้ามาศึกษาดูงานฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว
ถามผมว่าทำทำไม ไม่มีรายได้อะไร รายได้ก็คือ มีความมุ่งหวังว่าจะเลี้ยงให้ได้ และไปแปรูป แล้วก็ขายผลิตภัณฑ์ที่เราแปรรูป นั้นก็คือรายได้ที่เรามุ่งหวัง
ก็มีมาทุกวัน มาจากต่างจังหวัด หรือจากไหนเราก็รับหมด ให้คำปรึกษาได้หมด ทุกวันเราก็ต้อนรับคนที่เข้ามาก็เยอะ วันๆ หนึ่งก็หลายสิบคน
ฟาร์มเราก็มีการจดทะเบียนเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงปู จากกรมประมงจังหวัด มีการออกใบรับรองให้ คุณสมบัติก็คือ เราเลี้ยงในพื้นที่ของเราจริง แล้วก็เลี้ยงโดยที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวะนะ ไม่ใช้สารเคมี มีการมาสุ่มตัวอย่างไปตรวจผ่าน ก็ออกใบอนุญาตให้เรา
ฝากถึงคนที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน มาเยี่ยมชมฟาร์ม เพื่อที่จะมารับพ่อแม่พันธุ์ไปเลี้ยง หรือว่าจะมาศึกษาเรียนรู้ เราก็เปิดรับทุกท่านเข้ามาดู เข้ามาเยี่ยมชม โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ทุกความรู้ทุกเม็ด เราจะอธิบายด้วยความจริงใจ ด้วยความเป็นจริง
เราไม่ขายฝัน เข้ามาดูได้ครับ ตั้งแต่เริ่มแรก จนแปรรูป ตั้งแต่ต้นจนจบ เราพร้อมอธิบาย พร้อมให้รายละเอียด ให้ข้อมูลทั้งหมด โดยที่ว่าให้ด้วยความเต็มใจ และพร้อมต้อนรับทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม”
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊กแฟนเพจ “ป.ปูนาฟาร์ม”
https://mgronline.com/live/detail/9640000026640